กระชาย

กระชาย

ลักษณะทั่วไปของกระชาย

กระชายเป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าสั้น แตกหน่อได้ มีรากอวบรูปทรง กระบอก หรือรูปไข่ค่อนข้างยาว

ปลายเรียวกว้าง 1-2 ซม.ยาว 4-10 ซม. ออกเป็นกระจุก ผิวสีน้ำตาล อ่อนเนื้อมาเหลือง มีกลิ่น

เฉพาะตัว มีรสเผ็ดร้อนและขม

สรรพคุณทางยาของกระชาย

เหง้ากระชายมีสรรพคุณแก้โรคในปาก เช่น ปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง สารสกัดในแอลกอฮอล์ และคลอโรฟอร์ม มีฤทธิ์ต้าน เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ดีพอควร โดยนำเหง้ากระชายมาตำคั้นน้ำแล้วใช้ทารักษากลาก เกลื้อน และงูสวัดได้

กระชายมีฤทธิ์ขับระดูขาว ขับปัสสวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง ท้อง

อืด ท้องเฟ้อ บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด แก้กามตายด้าน อีกทั้งยังเป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย

ใบกระชายใช้บำรุงธาตุแก้โรคในปาก คอ แก้โลหิตเป็นพิษ สามารถถอนพิษต่างๆ ได้ดีนัก

ปัจจุบันนิยมนำมาปั่น มาต้ม ป้องกันโควิดกันเยอะ เลยทำให้ กระชายมีราคาสูงขึันมาก

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้า

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 3.5 เมตร ลำต้นสั้นอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่

ปลายใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียวด้านล่างมีนวลสีขาว ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดห้อยลงเรียกว่า หัวปลี ผลรูปรียาว 11-13 ซม.มีผิวเรียบ ปลายเป็นจุก เนื้อในมีสีขาว เนื้อมีรสหวาน

รับประทานได้ หมีหนึ่งมีเมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะกลมสีดำ

สรรพคุณทางยา

สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในระยะให้นมบุตร ใช้หัวปลีแกงเลียงเพื่อ รับประทานบ่อยๆ หลังคลอดใหม่ๆ จะช่วยขับน้ำนมได้ดี

ใช้แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ให้นำกล้วยน้ำว้าดิบ หรือห่ามมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่น้ำพอท่วม ต้มนานครึ่งชั่วโมง ดื่มครั้งละ 1/2-1แก้ว ทุกครั้งที่ถ่าย หรือทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เมื่ออาการเริ่มทุเลาลง ให้ดื่มทุกๆ3-4ชั่วโมง หรือวันละ 3-4 ครั้ง

ใช้แก้ท้องผูก ให้รับประทานกล้วยน้ำว้าสุกงอมครั้งละ 2 ผล วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง เวลารับประทานควรเคี้ยวให้ละเอียด